How to “เจ้านาย” มัดใจพนักงานทุก Gen ให้อยู่หมัด

 เจ้านายจะมีวิธีมัดใจกับพนักงานทุก Gen ได้อย่างไร เพราะการทำงานในบริษัทแน่นอนว่าเจ้านายจะต้องพบเจอกับคนทุกวัยอยู่แล้ว ดังนั้นจะมีวิธีไหนที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข วันนี้ jobnurse มีข้อมูลมาฝากกันค่ะ 1.มอบสวัสดิการที่หลากหลาย เนื่องจากทุกบริษัทจะต้องทำงานร่วมกันกับคนหลาย Gen ดังนั้นเจ้าของบริษัทควรมีสวัสดิการที่หลากหลายและครอบคลุมที่จะส่งผลดีต่อบริษัทและคนในองค์กร อีกทั้งสวัสดิการที่มอบให้กับพนักงานต้องมีความเสมอภาค ไม่เอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะทำให้พนักงานรักบริษัทมากขึ้นพร้อมลุยงานให้กับบริษัทอย่างเต็มที่และพนักงานทุก Gen ทำงานร่วมกันได้อย่าง Happy. 2.ส่งเสริมความเคารพซึ่งกันและกัน การทำงานร่วมกันกับคนหลาย Gen ในบริษัท เจ้านายและฝ่ายสรรหาบุคคล (HR) หรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ควรจัดข้อตกลงให้พนักงานทุก Gen อยู่ร่วมกันได้  เพื่อจะได้ช่วยกันแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความคิดในการพัฒนาบริษัทและไม่ให้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทในที่ทำงาน  ในเมื่อต้องมาอยู่ในบริษัทและ สิ่งแวดล้อมเดียวกันก็ต้องมีการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน 3.จัดกิจกรรมละลายพฤติกรรม ในการอยู่ร่วมกันและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีสำหรับของคนทุก Gen แนะนำให้เจ้านายจัด Outting จับคู่บัดดี้ให้กับพนักงานรวมถึงเจ้านายเองก็ต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ด้วย เพื่อทำความรู้จักและใกล้ชิดกับพนักงานเป็นการสานสัมพันธ์เจ้านายและลูกน้องผ่านจากทำกิจกรรมร่วมกันกับพนักงาน เวลาพนักงานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือพนักงานก็จะกล้าเข้ามาคุย กล้าปรึกษาเรามากขึ้น 4.สร้างทีมให้ทำงานร่วมกันเพื่อกระชับมิตร เจ้านายและฝ่ายสรรหาบุคคลท ( HR )  มีส่วนดูแลทีมในการทำงานควรจัดให้คนทุกช่วงอายุทำงานอยู่ด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันเป็นอีกหนึ่งทางในการกระชับมิตรความสัมพันธ์ทีดีต่อกันระหว่างเจ้านายและพนักงานด้วยกันเอง สรุป  How to “เจ้านาย” มัดใจพนักงานทุก Gen ให้อยู่หมัด

Continue Reading

อยากเปลี่ยนงานช่วงอายุ 30 ช้าไปไหม ?

 ถ้าเราต้องการเปลี่ยนงานในช่วงอายุ 30 ปี ถือว่าช้าไปไหม?  วันนี้ jobnurse มีข้อมูลมาฝากเพื่อการตัดสินใจว่าการเปลี่ยนแปลงงานในวัย 30 ปี จะช้าเกินไปหรือไม่กันค่ะ 1.ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เรามีประสบการณ์มากเพียงพอแล้วหรือยัง? เพราะในช่วงอายุ 30 ปีอย่างน้อยเราควรจะมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 5-10 ปี ซึ่งเป็นเวลาที่เราได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะในสายงานปัจจุบัน หากเรามีการเปลี่ยนงาน เราก็ยังสามารถนำประสบการณ์นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในสายงานใหม่ หรือทำให้เราเป็นผู้สมัครที่โดดเด่นมากขึ้น 2.ความชัดเจนในเป้าหมาย เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเรามีความชัดเจน และมีเป้าหมายอย่างไร เพราะถ้ามีความเข้าใจตนเองรวมถึงสิ่งที่อยากต้องการจากอาชีพการงาน เช่น ความสมดุลระหว่างชีวิตและงาน การพัฒนาอาชีพในระยะยาว หรือความท้าทายใหม่ ๆ การเปลี่ยนงานจะได้เป็นคำตอบว่ามันได้ตอบสนองต่อความต้องการและเป้าหมายของตัวเองแล้วหรือยัง 3.โอกาสในการพัฒนาตนเอง หากเรามีทั้งประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ และมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว เราอาจเลือกที่จะเปลี่ยนงานได้เลย การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ และเปิดโอกาสในการเติบโตในอาชีพได้อีกด้วย เพราะการเปลี่ยนงานอาจทำให้เราได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือได้เข้าสู่สายงานที่เราสนใจ แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ลองนั่นเอง  4.ชีวิตการทำงานที่ยาวนานขึ้น เมื่ออายุการทำงานของคนมักยาวนานขึ้นด้วยการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้นและการพัฒนาเทคโนโลยี การเปลี่ยนงานในช่วงอายุ 30 จึงไม่ได้หมายความว่าเราจะเสียเวลา แต่เป็นการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับชีวิตการทำงานที่ยาวนานต่อไป ดังนั้น  การเปลี่ยนงานในช่วงอายุ 30 ปีนับว่าไม่ถือว่าสายเกินไป เพราะคนในวัย 30 ปี

Continue Reading

How to จัดการงานที่แสนเหนื่อยด้วยวิธีไหนบ้าง ?

วิธีฮีลใจจากงานที่แสนเหนื่อยด้วยวิธีไหนกันบ้าง พิม Comment มาแชร์กันได้นะคะ วันนี้  Jobnurse มีมาแนะนำกันค่ะ   1.จัดตารางชีวิตของตัวเอง การวางแพลนจัดทำตารางชีวิตจะทำให้จัดการเวลาได้อย่างดี จะทำให้เรามีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิตมากขึ้นจะทำให้เราเหนื่อยน้อยลงและมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นถ้าเราจัดทำแพลนได้ลงตัว 2.ปรึกษาเพื่อน หรือปรึกษาหมอจิตแพทย์ เมื่อเรารู้สึกตัวว่าการที่เราใช้ชีวิตกับการทำงานที่แสนเหนื่อยทำให้เราท้อ มีความเครียดสะสม หาทางออกไม่เจออยากได้ที่ปรึกษาสักคน เพื่อรับฟังในสิ่งที่เราต้องเจอในทุกวัน แนะนำให้เข้าพบหมอจิตแพทย์ การเข้าพบหมออย่าคิดว่าตัวเองบ้า แค่คิดว่าเราอยากได้ที่ปรึกษามีคนคอยรับฟังและต้องการคำแนะนำที่ดี หรือการปรึกษาจากเพื่อนที่เราไว้ใจและสนิทด้วย อย่างน้อยก็มีคนรับฟังและช่วยเราให้หายจากความเครียดที่เจอมา 3.หากิจกรรมที่ชอบเพื่อ Relax หากิจกรรมงานอดิเรกทำ เช่น การออกกำลังกาย วิ่ง ปั่นจักรยาน ถีบเรือเป็ด  อ่านหนังสือ ร้องเพลง ฟังเพลง ดูหนัง ดูซีรีย์ หรืองานอดิเรกทางด้านงานศิลปะ วาดรูประบายสี เย็บปักถักร้อย หาที่เที่ยว ซึ่งเชื่อว่ากิจกรรมที่สามารถทำให้เราหายเครียดได้อย่างแน่นอน 4.ลาเที่ยวพักผ่อน เจองานหนักมาทั้งปี เมื่อมีวันลาพักร้อนเราก็ต้องรีบใช้อย่างด่วนจองตั๋วหาที่เที่ยวเอาให้คุ้มอย่างน้อยก็สร้างความสบายใจช่วงเวลาลาพักร้อน หรือบางคนก็เลือกวิธีที่จะกลับบ้านไปพักผ่อนอยู่กับครอบครัวทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างร่วมกัน การได้เติมพลังจากคนที่เรารักแค่นี้ก็มีแรงกลับไปสู้กับงานที่รอเราได้สบาย  เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนเลือกที่จะใช้วันวันหยุดลาพักผ่อนกัน เพื่อปิดสวิตซ์ให้ตัวเองได้ชาร์ทพลังอย่างเต็มที่ที่สุด สรุป  มีวิธีที่จะทำให้หายเหนื่อยมีอีกหลายวิธีมาก ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบของเราด้วย แล้วทุกคนมีวิธีทำให้ตัวเองหายเหนื่อยจากงานแบบไหนกันบ้าง มาแชร์ข้อมูลกันได้นะคะ :

Continue Reading

ตัดสินใจอย่างไรว่าตำแหน่งงานเหมาะสมกับเราหรือไม่

เราจะมีวิธีตัดสินใจยังไงกับการเลือกตำแหน่งงานให้เหมาะสมกับเรา วันนี้ Jobnurse มีข้อมูลดี ๆ มาฝากกันค่ะ 1.ภาพรวมขององค์กรและหัวหน้างาน บางบริษัทเขาอาจจะให้หัวหน้าตำแหน่งงานสัมภาษณ์เราเองโดยตรง หรืออาจจะเข้าไปฟังการสัมภาษณ์งานของเราด้วย ซึ่งการได้ลองพูดคุยกับหัวหน้างาน ได้ฟังข้อคิดคำแนะนำและไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตหัวหน้างาน จะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจมากขึ้น แต่อย่าลืมมองดูภาพรวมของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นด้านข้อมูลของบริษัท บรรยากาศในที่ทำงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร 2.ศึกษาข้อมูลตำแหน่งงานและทำความเข้าใจ หากคุณคิดว่าตำแหน่งงานนี้เหมะสมกับเราหรือยังตัดสินใจไม่ได้ เราก็สามารถที่จะหาข้อมูลของตำแหน่งงานเอาไว้ เช่น หน้าที่ในการทำงาน เงินเดือน สวัสดิการ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นในการที่นำมาเป็นข้อมูลในการตักสินใจว่าเราจะเลือกทำงานในตำแหน่งนั้นจริง ๆ  3.ทบทวนตัวเอง เมื่อศึกษาข้อมูลของบริษัทและตำแหน่งงานเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาทบทวนตัวเองอาจจะทำแบบสอบถามจากข้อมูลที่เราได้มา หรือถ้าข้อมูลมากพอแล้วก็อาจจะทำให้เราตัดสินใจได้เร็วขึ้น 4.การตัดสินใจ ถ้าสมมุติเราตัดสินใจเลือกทำงานในตำแหน่งนี้เพราะว่าเราได้ศึกษาข้อมูลที่มากเพียงพอแล้ว รวมถึงสวัสดิการต่าง ๆ ที่เอื้อต่อความสะดวกสบายของเรา บรรยากาศการทำงาน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน ทุกอย่างลงตัว เราก็ไม่ต้องรออะไรอีกต่อไป พร้อมลุยงานได้เลย สรุป  เมื่อได้ทบทวนและตัดสินใจได้แล้ว ก็ขอให้การตัดสินใจนี้เป็นสิ่งที่เรารู้สึกได้ทำเต็มที่สุด แอดขอเป็นกำลังให้กับทุกคนน๊า : )

Continue Reading

โรคท้องร่วง สาเหตุเกิดจากอะไร?

โรคท้องร่วง เกิดขึ้นแล้วทรมานมาก ๆ  แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเราเข่าข่ายเป็นโรคท้องร่วงวิธีสังเกตได้ด้วยตนเอง   ถ้าเรา  ขับถ่ายบ่อยเกิน 3 ครั้ง อุจจาระถ่ายเหลวเป็นน้ำ มีสีเหลือง หรือสีเขียวอ่อน ถ้าอาการรุนแรง อุจจาระจะมีสีขาวขุ่น คล้ายน้ำซาวข้าว อุจจาระมีกลิ่นคาว หรืออาจมีมัน คล้ายไขมัน ปวดท้อง ปวดเกร็ง ปวดบิด มีอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยปริมาณของอุจจาระในการถ่ายแต่ละครั้งอาจมีปริมาณมากจนทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากและมีภาวะขาดสารน้ำได้  ซึ่งอันตรายถึงชีวิตของเรา ถ้าอาการหนักมาก ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ โรคท้องร่วง สาเหตุเกิดจากอะไร? โรคท้องร่วง เกิดจากการที่เราติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย มาจากการที่เรารับประทานอาหารไม่สะอาด เช่น การรับประทานกึ่งสุกกึ่งดิบ ทานอาหารที่มีรสจัด เช่น ยำ ส้มตำ  อาหารของหมักของดอง ฯลฯ  ซึ่งเป็นสาเหตุที่เราท้องเสียได้ง่าย ๆ เรื่องการรับประทานอาหารจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่เราต้องใส่ใจในการเลือกรับประทาน การรักษาเบื้องต้น การรักษาอาการเบื้องต้น ดื่มน้ำเกลือแร่ บ่อยๆ เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและรับประทานอาหารอ่อนๆ งดอาหารรสจัด ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ เน้นรับประทานอาหารที่ปรุงสุก

Continue Reading

วิตามิน แร่ธาตุ คืออะไร?

Q :เราจะได้ยินคำว่า วิตามิน แร่ธาตุ  อยู่บ่อย ๆ แต่เราอาจจะยังไม่รู้ความหมาย ประโยชน์ที่ได้รับจากวิตามิน แร่ธาตุ มีอะไรบ้าง ดีต่อร่างกายอย่างไร   A :วิตามิน เป็นหนึ่งในสารอาหาร 5 หมู่ ร่างกายของคนเรา จะใช้วิตามิน เพื่อช่วยทำให้ปฏิกิริยาในร่างกาย ส่งผลให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเป็นไปตามปกติ    แร่ธาตุ เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงาน ของร่างกาย จะต้องได้รับแร่ธาตุแต่ละชนิดในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการ วิตามิน แบ่งเป็น  2 กลุ่ม คือ 1.วิตามินที่ละลายในไขมัน วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน A D E K จะละลายในไขมันหรือน้ำมันเท่านั้น เพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไม่สามารถขับออกทางปัสสาวะได้ หากได้รับมากเกินจะเก็บสะสมไว้ในร่างกาย 2.วิตามินที่ละลายในน้ำ วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามิน B 1 2 3 5 6

Continue Reading