นายจ้างจะได้ประโยชน์อะไรจากการจ้างงานคนรุ่นใหม่?

นายจ้างจะได้อะไรบ้างจากการที่จ้างงานเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับมุมมองของตัวนายจ้างเองและการสัมภาษณ์งานว่าตรงโจทย์กับที่ทางนายจ้างต้องการหรือไม่ เพราะการที่นายจ้างมองหาคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาทำงาน ตัวนายจ้างเองก็ต้องคำถึงอนาคตว่านายจ้างจะได้รับประโยชน์สูงสุดได้คนรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิในการทำงานเช่นกัน  วันนี้ Jobnurse มีข้อมูลมาฝากกันค่ะ

Continue Reading

5 เทคนิคสู่ความสำเร็จของมนุษย์เป็ดต้องทำอย่างไร ?

คำว่า “มนุษย์เป็ด “ ทุกคนคงสังสัยกันใช่ไหมว่าคำนี้หมายถึงอะไร สรุปสั้น ๆ เลยน๊าทุกคน มนุษย์เป็ดคือบุคคลที่มีความสามารถที่ทำงานได้หลายด้านเป็นคนที่มีความรอบรู้ เก่งรอบด้านมาก ๆ ทั้งในด้านทำงานและการใช้ชีวิต  วันนี้ Job Nurse มี 5 เทคนิคสู่ความสำเร็จของการเป็นมนุษย์เป็ด มาฝากกันค่ะ  1.ค้นหาตัวเองให้เจอ  การค้นหาตัวเองให้เจอและเร็วที่สุด โดยอาจจะหาจากสิ่งเราชอบทำ หรือการทำแบบทดสอบเพื่อค้นหาตัวเอง โดยในปัจจุบันมีวิธีการที่หลากหลายในการค้นหาตัวเองในสิ่งที่เราชอบและถนัด การค้นหาตัวเองได้เร็วจะทำให้เราได้มุ่งเน้นไปในทิศทางที่ดี การวางแผนทำงานในลำดับถัดไปก็จะเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น 2. ตั้งเป้าหมาย เมื่อเราค้นหาสายงานที่เราทำแล้วชอบที่สุดและทำออกมาได้ดีลำดับถัดไป  การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ในตัวเราเองว่าเราทำได้จริงและทำในสิ่งนั้นออกมาได้ดีที่สุด โดยการจัดลำดับขั้นตอนแผนงานและควรค่อย ๆ เริ่มทำไปทีละขั้นตอน ไม่ควรทำนอกเหนือจากที่วางแผนไว้เด็ดขาด  เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้เป้าหมายของเราบิดเบี้ยวจากเดิม 3.การฝึกทักษะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ  เมื่อเราเริ่มคล่องและมีแนวทางในการทำแล้วอย่าคิดว่าเราเก่งแล้ว  เพราะคนเก่งที่แท้จริงเขาจะไม่หยุดพัฒนาและมีการเรียนรู้เพิ่มเติมและฝึกฝนทักษะอยู่เสมอ รวมไปถึงการเพิ่มการเรียนรู้และทำสิ่งใหม่ ๆ  ตลอดเวลาเพราะโลกไม่มีวันที่จะหยุดหมุนอยู่ที่เดิม 4.หาสาเหตุ หรือจุดด้อย  ในระหว่างที่เรากำลังฝึกทักษะและพัฒนาตัวเอง ในระหว่างทางย่อมมีอุปสรรคเข้ามาแทรกแซงได้ตลอดเวลา ซึ่งเราจะต้องมาหาวิธีกำจัดจุดด้อยนั้นเพื่อเราจะได้อุดรูรั่วในตรงนั้นให้ถูกจุดและนำมาพัฒนาให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเราให้มากที่สุด 5.ลงมือปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติลงมือตามขั้นตอนทั้ง 4 ขั้นบันไดแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะต้องลงมือปฏิบัติจริง ๆ เพราะถ้าอ่านแต่ทฤษฎี แต่ไม่ยอมลงมือปฏิบัติจริง

Continue Reading

ได้งานใหม่แล้วค่อยลาออก VS ลาออกแล้วค่อยหางานใหม่

ได้งานใหม่ก่อนค่อยลาออก หรือ ลาออกก่อนค่อยหางาน ทุกคนลงความคิดเห็นว่าควรเลือกข้อไหนดี วันนี้ JobNurse  มีข้อมูลมาฝากกันค่ะ ได้งานใหม่ก่อนค่อยลาออก = ภูมิคุ้มกันที่ดีกว่า ในมุมมองของชีวิตการทำงานถ้ามีแพลนที่ต้องออกจากงานที่บริษัทเดิมด้วยสาเหตุลาออกที่เกิดจากการเบื่องานในปัจจุบัน หรือเจอเรื่อง toxic ในที่ทำงานต้องการเปลี่ยนสายงาน แต่การที่เราจะลาออกจากงานก็ควรมีแผนสำรองคือการหางานใหม่ให้ได้ก่อนจะดีมาก ๆ อย่างน้อยจะได้มีงานรองรับเมื่อต้องลาออกจากงานที่เดิม  ลาออกค่อยหางาน = มีความเสี่ยงสูง ลาออกค่อยหางานมีความเสี่ยงสูงอย่างไร ? บางคนอาจะมีคำถามหากลาออกก่อนที่ยังไม่ได้งาน ซึ่งผลกระทบอย่างแรกเลยปัญหาทางด้านการเงิน เพราะทุกคนมีภาระเรื่องของค่าใช้จ่ายเพราะทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเงิน ถ้ามีเงินสำรองแต่ยังไม่ได้งานแต่ค่าใช้จ่ายเรามีทุกวันเงินสำรองอาจหมดได้  ถ้าเราลาออกแล้วยังไม่มีงานรองรับก็ต้องมีการวางแผนการใช้เงินให้เป็นอย่างดี  ไม่อย่างนั้นมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน นอกจากมีกำลังเงินที่มากพอไม่ได้เดือนร้อนเรื่องเงินก็ตัดสินใจลาออกได้อย่างไม่ยากขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราเอง ดังนั้น  เราไม่สามารถแนะนำอะไรได้มากกว่าเคารพการตัดสินใจของทุกคน JobNurse ขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ การตัดสินใจนะคะ : ) 

Continue Reading

ได้งานใหม่แล้วค่อยลาออก VS ลาออกแล้วค่อยหางานใหม่

ได้งานใหม่ก่อนค่อยลาออก หรือ ลาออกก่อนค่อยหางาน ทุกคนลงความคิดเห็นว่าควรเลือกข้อไหนดี วันนี้ JobNurse  มีข้อมูลมาฝากกันค่ะ ได้งานใหม่ก่อนค่อยลาออก = ภูมิคุ้มกันที่ดีกว่า ในมุมมองของชีวิตการทำงานถ้ามีแพลนที่ต้องออกจากงานที่บริษัทเดิมด้วยสาเหตุลาออกที่เกิดจากการเบื่องานในปัจจุบัน หรือเจอเรื่อง toxic ในที่ทำงานต้องการเปลี่ยนสายงาน แต่การที่เราจะลาออกจากงานก็ควรมีแผนสำรองคือการหางานใหม่ให้ได้ก่อนจะดีมาก ๆ อย่างน้อยจะได้มีงานรองรับเมื่อต้องลาออกจากงานที่เดิม  ลาออกค่อยหางาน = มีความเสี่ยงสูง ลาออกค่อยหางานมีความเสี่ยงสูงอย่างไร ? บางคนอาจะมีคำถามหากลาออกก่อนที่ยังไม่ได้งาน ซึ่งผลกระทบอย่างแรกเลยปัญหาทางด้านการเงิน เพราะทุกคนมีภาระเรื่องของค่าใช้จ่ายเพราะทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเงิน ถ้ามีเงินสำรองแต่ยังไม่ได้งานแต่ค่าใช้จ่ายเรามีทุกวันเงินสำรองอาจหมดได้  ถ้าเราลาออกแล้วยังไม่มีงานรองรับก็ต้องมีการวางแผนการใช้เงินให้เป็นอย่างดี  ไม่อย่างนั้นมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน นอกจากมีกำลังเงินที่มากพอไม่ได้เดือนร้อนเรื่องเงินก็ตัดสินใจลาออกได้อย่างไม่ยากขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราเอง ดังนั้น  เราไม่สามารถแนะนำอะไรได้มากกว่าเคารพการตัดสินใจของทุกคน JobNurse ขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ การตัดสินใจนะคะ : ) 

Continue Reading

5 เทคนิค ปลุกใจ สำหรับคนหมดไฟ !

อาการหมดไฟเกิดขึ้นได้กับทุกคนอาจเกิดจากสาเหตุที่เราเจอเหตุการณ์เดิม ๆ ทำงานเดิม ๆ ซ้ำ ๆ  อยู่กับสภาพแวดล้อมเหมือนเดิมทุกวันทำให้เกิดอาการเบื่อหน่าย ซึ่งร้ายแรงสุดอาตถึงขั้นเขียนใบลาออกและหางานใหม่ หลายต่อหลายครั้งที่เราหมดไฟจากการทำงานหรือกับเรื่องบางอย่าง เราจะมีวิธีจัดการกับอาการหมดไฟของเราได้อย่างไร วันนี้ Job nurse มีทริคมาบอกต่อกันค่ะ  1.หยุดทำเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ถ้าเราเกิดอาการเบื่อกับงานที่เราทำเมื่อไหร่ เราควรนึกและฉุดคิดเสมอว่าควรหยุดพักและออกไปเดินเล่น เดินดูอะไรที่สบายหูสบายตา เพราะจะช่วยให้เราได้หยุดคิดหยุดทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ ได้บ้าง หรือเราควรก้าวออกมาลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจองานใหม่ ๆ เจอสิ่งใหม่ ๆ บ้าง  เพราะอย่างน้อยคุณจะทบทวนตัวเองและได้ลองทำอาจจะเป็นสิ่งที่คุณตามหาอยู่ 2.มองหาแรงบันดาลใจ การหาแรงบันดาลใจ ซึ่งมีให้เราได้ในทุก ๆ ที่ โดยเฉพาะแรงบันดาลใจจากคนรอบตัวจากคนที่เรารักจะเป็นแรงจูงใจในการที่เราจะเริ่มทำในสิ่งที่เราต้องการได้มากที่สุด  แม้กระทั่งการเข้าไปท่องโลกไถมือถือเล่นบนโซเชียลเราก็จะมองเห็นสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของเราได้แล้ว 3.เปลี่ยนบรรยากาศ การเปลี่ยนบรรยากาศออกไปที่แปลกใหม่บ้าง หรือหาที่สงบ ๆ ห่างไกลจากผู้คน อาจจะทำให้เราได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นหรือเกิดความคิดสร้างสรรค์กับการทำงานได้ดีกว่าการทำงานในออฟฟิศมากกว่าเดิม  4.ให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ จะทำงานหนักมากแค่ไหนก็อย่าลืมให้กำลังใจตัวเอง ดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดี  กินข้าวให้ตรงเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ เดินชอปปิ้งซื้อของที่ตัวเองอยากได้   เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองได้มีแรงสู้กับการทำงานต่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะฮีลใจให้กับเรามากที่สุด หรือมีอีกหลาย ๆ สิ่ง

Continue Reading

5 เทคนิค ปลุกใจ สำหรับคนหมดไฟ !

อาการหมดไฟเกิดขึ้นได้กับทุกคนอาจเกิดจากสาเหตุที่เราเจอเหตุการณ์เดิม ๆ ทำงานเดิม ๆ ซ้ำ ๆ  อยู่กับสภาพแวดล้อมเหมือนเดิมทุกวันทำให้เกิดอาการเบื่อหน่าย ซึ่งร้ายแรงสุดอาตถึงขั้นเขียนใบลาออกและหางานใหม่ หลายต่อหลายครั้งที่เราหมดไฟจากการทำงานหรือกับเรื่องบางอย่าง เราจะมีวิธีจัดการกับอาการหมดไฟของเราได้อย่างไร วันนี้ Job nurse มีทริคมาบอกต่อกันค่ะ  1.หยุดทำเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ถ้าเราเกิดอาการเบื่อกับงานที่เราทำเมื่อไหร่ เราควรนึกและฉุดคิดเสมอว่าควรหยุดพักและออกไปเดินเล่น เดินดูอะไรที่สบายหูสบายตา เพราะจะช่วยให้เราได้หยุดคิดหยุดทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ ได้บ้าง หรือเราควรก้าวออกมาลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจองานใหม่ ๆ เจอสิ่งใหม่ ๆ บ้าง  เพราะอย่างน้อยคุณจะทบทวนตัวเองและได้ลองทำอาจจะเป็นสิ่งที่คุณตามหาอยู่ 2.มองหาแรงบันดาลใจ การหาแรงบันดาลใจ ซึ่งมีให้เราได้ในทุก ๆ ที่ โดยเฉพาะแรงบันดาลใจจากคนรอบตัวจากคนที่เรารักจะเป็นแรงจูงใจในการที่เราจะเริ่มทำในสิ่งที่เราต้องการได้มากที่สุด  แม้กระทั่งการเข้าไปท่องโลกไถมือถือเล่นบนโซเชียลเราก็จะมองเห็นสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของเราได้แล้ว 3.เปลี่ยนบรรยากาศ การเปลี่ยนบรรยากาศออกไปที่แปลกใหม่บ้าง หรือหาที่สงบ ๆ ห่างไกลจากผู้คน อาจจะทำให้เราได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นหรือเกิดความคิดสร้างสรรค์กับการทำงานได้ดีกว่าการทำงานในออฟฟิศมากกว่าเดิม  4.ให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ จะทำงานหนักมากแค่ไหนก็อย่าลืมให้กำลังใจตัวเอง ดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดี  กินข้าวให้ตรงเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ เดินชอปปิ้งซื้อของที่ตัวเองอยากได้   เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองได้มีแรงสู้กับการทำงานต่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะฮีลใจให้กับเรามากที่สุด หรือมีอีกหลาย ๆ สิ่ง

Continue Reading

How to “เจ้านาย” มัดใจพนักงานทุก Gen ให้อยู่หมัด

 เจ้านายจะมีวิธีมัดใจกับพนักงานทุก Gen ได้อย่างไร เพราะการทำงานในบริษัทแน่นอนว่าเจ้านายจะต้องพบเจอกับคนทุกวัยอยู่แล้ว ดังนั้นจะมีวิธีไหนที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข วันนี้ jobnurse มีข้อมูลมาฝากกันค่ะ 1.มอบสวัสดิการที่หลากหลาย เนื่องจากทุกบริษัทจะต้องทำงานร่วมกันกับคนหลาย Gen ดังนั้นเจ้าของบริษัทควรมีสวัสดิการที่หลากหลายและครอบคลุมที่จะส่งผลดีต่อบริษัทและคนในองค์กร อีกทั้งสวัสดิการที่มอบให้กับพนักงานต้องมีความเสมอภาค ไม่เอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะทำให้พนักงานรักบริษัทมากขึ้นพร้อมลุยงานให้กับบริษัทอย่างเต็มที่และพนักงานทุก Gen ทำงานร่วมกันได้อย่าง Happy. 2.ส่งเสริมความเคารพซึ่งกันและกัน การทำงานร่วมกันกับคนหลาย Gen ในบริษัท เจ้านายและฝ่ายสรรหาบุคคล (HR) หรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ควรจัดข้อตกลงให้พนักงานทุก Gen อยู่ร่วมกันได้  เพื่อจะได้ช่วยกันแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความคิดในการพัฒนาบริษัทและไม่ให้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทในที่ทำงาน  ในเมื่อต้องมาอยู่ในบริษัทและ สิ่งแวดล้อมเดียวกันก็ต้องมีการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน 3.จัดกิจกรรมละลายพฤติกรรม ในการอยู่ร่วมกันและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีสำหรับของคนทุก Gen แนะนำให้เจ้านายจัด Outting จับคู่บัดดี้ให้กับพนักงานรวมถึงเจ้านายเองก็ต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ด้วย เพื่อทำความรู้จักและใกล้ชิดกับพนักงานเป็นการสานสัมพันธ์เจ้านายและลูกน้องผ่านจากทำกิจกรรมร่วมกันกับพนักงาน เวลาพนักงานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือพนักงานก็จะกล้าเข้ามาคุย กล้าปรึกษาเรามากขึ้น 4.สร้างทีมให้ทำงานร่วมกันเพื่อกระชับมิตร เจ้านายและฝ่ายสรรหาบุคคลท ( HR )  มีส่วนดูแลทีมในการทำงานควรจัดให้คนทุกช่วงอายุทำงานอยู่ด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันเป็นอีกหนึ่งทางในการกระชับมิตรความสัมพันธ์ทีดีต่อกันระหว่างเจ้านายและพนักงานด้วยกันเอง สรุป  How to “เจ้านาย” มัดใจพนักงานทุก Gen ให้อยู่หมัด

Continue Reading

อยากเปลี่ยนงานช่วงอายุ 30 ช้าไปไหม ?

 ถ้าเราต้องการเปลี่ยนงานในช่วงอายุ 30 ปี ถือว่าช้าไปไหม?  วันนี้ jobnurse มีข้อมูลมาฝากเพื่อการตัดสินใจว่าการเปลี่ยนแปลงงานในวัย 30 ปี จะช้าเกินไปหรือไม่กันค่ะ 1.ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เรามีประสบการณ์มากเพียงพอแล้วหรือยัง? เพราะในช่วงอายุ 30 ปีอย่างน้อยเราควรจะมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 5-10 ปี ซึ่งเป็นเวลาที่เราได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะในสายงานปัจจุบัน หากเรามีการเปลี่ยนงาน เราก็ยังสามารถนำประสบการณ์นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในสายงานใหม่ หรือทำให้เราเป็นผู้สมัครที่โดดเด่นมากขึ้น 2.ความชัดเจนในเป้าหมาย เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเรามีความชัดเจน และมีเป้าหมายอย่างไร เพราะถ้ามีความเข้าใจตนเองรวมถึงสิ่งที่อยากต้องการจากอาชีพการงาน เช่น ความสมดุลระหว่างชีวิตและงาน การพัฒนาอาชีพในระยะยาว หรือความท้าทายใหม่ ๆ การเปลี่ยนงานจะได้เป็นคำตอบว่ามันได้ตอบสนองต่อความต้องการและเป้าหมายของตัวเองแล้วหรือยัง 3.โอกาสในการพัฒนาตนเอง หากเรามีทั้งประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ และมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว เราอาจเลือกที่จะเปลี่ยนงานได้เลย การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ และเปิดโอกาสในการเติบโตในอาชีพได้อีกด้วย เพราะการเปลี่ยนงานอาจทำให้เราได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือได้เข้าสู่สายงานที่เราสนใจ แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ลองนั่นเอง  4.ชีวิตการทำงานที่ยาวนานขึ้น เมื่ออายุการทำงานของคนมักยาวนานขึ้นด้วยการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้นและการพัฒนาเทคโนโลยี การเปลี่ยนงานในช่วงอายุ 30 จึงไม่ได้หมายความว่าเราจะเสียเวลา แต่เป็นการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับชีวิตการทำงานที่ยาวนานต่อไป ดังนั้น  การเปลี่ยนงานในช่วงอายุ 30 ปีนับว่าไม่ถือว่าสายเกินไป เพราะคนในวัย 30 ปี

Continue Reading

How to จัดการงานที่แสนเหนื่อยด้วยวิธีไหนบ้าง ?

วิธีฮีลใจจากงานที่แสนเหนื่อยด้วยวิธีไหนกันบ้าง พิม Comment มาแชร์กันได้นะคะ วันนี้  Jobnurse มีมาแนะนำกันค่ะ   1.จัดตารางชีวิตของตัวเอง การวางแพลนจัดทำตารางชีวิตจะทำให้จัดการเวลาได้อย่างดี จะทำให้เรามีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิตมากขึ้นจะทำให้เราเหนื่อยน้อยลงและมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นถ้าเราจัดทำแพลนได้ลงตัว 2.ปรึกษาเพื่อน หรือปรึกษาหมอจิตแพทย์ เมื่อเรารู้สึกตัวว่าการที่เราใช้ชีวิตกับการทำงานที่แสนเหนื่อยทำให้เราท้อ มีความเครียดสะสม หาทางออกไม่เจออยากได้ที่ปรึกษาสักคน เพื่อรับฟังในสิ่งที่เราต้องเจอในทุกวัน แนะนำให้เข้าพบหมอจิตแพทย์ การเข้าพบหมออย่าคิดว่าตัวเองบ้า แค่คิดว่าเราอยากได้ที่ปรึกษามีคนคอยรับฟังและต้องการคำแนะนำที่ดี หรือการปรึกษาจากเพื่อนที่เราไว้ใจและสนิทด้วย อย่างน้อยก็มีคนรับฟังและช่วยเราให้หายจากความเครียดที่เจอมา 3.หากิจกรรมที่ชอบเพื่อ Relax หากิจกรรมงานอดิเรกทำ เช่น การออกกำลังกาย วิ่ง ปั่นจักรยาน ถีบเรือเป็ด  อ่านหนังสือ ร้องเพลง ฟังเพลง ดูหนัง ดูซีรีย์ หรืองานอดิเรกทางด้านงานศิลปะ วาดรูประบายสี เย็บปักถักร้อย หาที่เที่ยว ซึ่งเชื่อว่ากิจกรรมที่สามารถทำให้เราหายเครียดได้อย่างแน่นอน 4.ลาเที่ยวพักผ่อน เจองานหนักมาทั้งปี เมื่อมีวันลาพักร้อนเราก็ต้องรีบใช้อย่างด่วนจองตั๋วหาที่เที่ยวเอาให้คุ้มอย่างน้อยก็สร้างความสบายใจช่วงเวลาลาพักร้อน หรือบางคนก็เลือกวิธีที่จะกลับบ้านไปพักผ่อนอยู่กับครอบครัวทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างร่วมกัน การได้เติมพลังจากคนที่เรารักแค่นี้ก็มีแรงกลับไปสู้กับงานที่รอเราได้สบาย  เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนเลือกที่จะใช้วันวันหยุดลาพักผ่อนกัน เพื่อปิดสวิตซ์ให้ตัวเองได้ชาร์ทพลังอย่างเต็มที่ที่สุด สรุป  มีวิธีที่จะทำให้หายเหนื่อยมีอีกหลายวิธีมาก ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบของเราด้วย แล้วทุกคนมีวิธีทำให้ตัวเองหายเหนื่อยจากงานแบบไหนกันบ้าง มาแชร์ข้อมูลกันได้นะคะ :

Continue Reading

ตัดสินใจอย่างไรว่าตำแหน่งงานเหมาะสมกับเราหรือไม่

เราจะมีวิธีตัดสินใจยังไงกับการเลือกตำแหน่งงานให้เหมาะสมกับเรา วันนี้ Jobnurse มีข้อมูลดี ๆ มาฝากกันค่ะ 1.ภาพรวมขององค์กรและหัวหน้างาน บางบริษัทเขาอาจจะให้หัวหน้าตำแหน่งงานสัมภาษณ์เราเองโดยตรง หรืออาจจะเข้าไปฟังการสัมภาษณ์งานของเราด้วย ซึ่งการได้ลองพูดคุยกับหัวหน้างาน ได้ฟังข้อคิดคำแนะนำและไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตหัวหน้างาน จะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจมากขึ้น แต่อย่าลืมมองดูภาพรวมของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นด้านข้อมูลของบริษัท บรรยากาศในที่ทำงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร 2.ศึกษาข้อมูลตำแหน่งงานและทำความเข้าใจ หากคุณคิดว่าตำแหน่งงานนี้เหมะสมกับเราหรือยังตัดสินใจไม่ได้ เราก็สามารถที่จะหาข้อมูลของตำแหน่งงานเอาไว้ เช่น หน้าที่ในการทำงาน เงินเดือน สวัสดิการ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นในการที่นำมาเป็นข้อมูลในการตักสินใจว่าเราจะเลือกทำงานในตำแหน่งนั้นจริง ๆ  3.ทบทวนตัวเอง เมื่อศึกษาข้อมูลของบริษัทและตำแหน่งงานเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาทบทวนตัวเองอาจจะทำแบบสอบถามจากข้อมูลที่เราได้มา หรือถ้าข้อมูลมากพอแล้วก็อาจจะทำให้เราตัดสินใจได้เร็วขึ้น 4.การตัดสินใจ ถ้าสมมุติเราตัดสินใจเลือกทำงานในตำแหน่งนี้เพราะว่าเราได้ศึกษาข้อมูลที่มากเพียงพอแล้ว รวมถึงสวัสดิการต่าง ๆ ที่เอื้อต่อความสะดวกสบายของเรา บรรยากาศการทำงาน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน ทุกอย่างลงตัว เราก็ไม่ต้องรออะไรอีกต่อไป พร้อมลุยงานได้เลย สรุป  เมื่อได้ทบทวนและตัดสินใจได้แล้ว ก็ขอให้การตัดสินใจนี้เป็นสิ่งที่เรารู้สึกได้ทำเต็มที่สุด แอดขอเป็นกำลังให้กับทุกคนน๊า : )

Continue Reading